มารู้จักกีฬากอล์ฟกันก่อน

0
1673

ก่อนที่เราจะลงมือเล่นกอล์ฟ ก่อนอื่นคงต้องมารู้จัก กีฬาชนิดนี้กันก่อนเป็นอันดับแรกนะครับ

การเล่นกอล์ฟคือ การส่งลูกกอล์ฟจากจุดเริ่มต้นไปลงหลุมที่กำหนดไว้ด้วยอุปกรณ์การเล่น โดยมีกฎข้อบังคับกำหนดวิธีการเล่น ไม่ว่าการแข่งขันจะเป็นแบบไหนหรือกับใคร ผู้ชนะคือ ผู้ที่ใช้อุปกรณ์การเล่นสัมผัสโดนลูกกอล์ฟน้อยครั้งที่สุดเป็นผู้ชนะ ใช้จำนวนหลุมเป็นตัวกำหนดการสิ้นสุดการเล่น โดยไม่มีกำหนดเวลาและแต้ม เล่นให้เสร็จทีละหลุมจนครบทุกหลุม แล้วนำจำนวนครั้งที่ตั้งใจตีลูกพร้อมแต้มปรับโทษของทุกหลุมมารวมกัน ผู้ชนะคือผู้ที่รวมแล้วมีจำนวนครั้งน้อยที่สุด ที่ใช้คำว่านับจำนวนครั้งที่ตั้งใจตีลูก เพราะว่าบางครั้งที่ตั้งใจตีแล้ว ไม้กอล์ฟอาจไม่โดนลูกเลย ก็จะนับการตีนี้รวมเข้าไปด้วย เรียกว่า แอร์ช้อต

มีการกำหนดจำนวนครั้งของการใช้ไม้กอล์ฟเล่นโดนลูกกอล์ฟของแต่ละหลุมไว้เป็นมาตรฐาน เรียกว่าพาร์ เช่นหลุมที่ 1 พาร์ 4 ระยะ380 หลา หมายความว่า หลุมที่ถูกกำหนดให้เป็นหลุมที่ 1ของสนามนี้ มีความยาวจากแท่นตีลูกไปถึงหลุม 380 หลา กำหนดให้ใช้อุปกรณ์สัมผัสโดนลูกได้ 4 ครั้ง (สโตรค) เท่ากับทำได้มาตรฐานสนาม หรือเรียกว่าเสมอกับสนาม (อีเว่นพาร์)หากสัมผัสโดนมากกว่า 4 ครั้ง เรียกว่าตีเกิน (โบกี้) แต่ถ้าสามารถใช้อุปกรณ์สัมผัสโดนลูกน้อยกว่าเรียกว่า ตีต่ำกว่าพาร์ (อันเดอร์พาร์)ซึ่งการที่ตีได้ต่ำกว่าพาร์นั้น มีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปอีก ขึ้นอยู่กับว่าต่ำกว่ากี่ครั้ง หนึ่งครั้งเรียกเบอร์ดี้ สองครั้งเรียกอีเกิ้ลหรือโฮลอินวัน(สำหรับพาร์ 3) สามครั้งเรียกดับเบิ้ลอีเกิ้ลหรืออัลบาทรอส เมื่อชื่อเรียกต่างๆนี้ถูกแปลงเป็นตัวเลข ก็จะเป็นดังนี้

โบกี้ = +1 ดับเบิ้ลโบกี้ =+2 ทริปเปิ้ลโบกี้ =+3

เบอร์ดี้= -1 อีเกิ้ล = -2 อัลบาทรอสหรือดับเบิ้ลอีเกิ้ล = -3 หากเสมอพาร์ =E

จากที่อธิบายไว้ ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า การเล่นที่ดีคะแนนจะติดลบ ยิ่งติดลบมากเท่าใด ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้เล่นท่านนั้นว่าเก่งขนาดไหน

การเล่นกอล์ฟจะเล่นกัน 18 หลุม แบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบละ 9 หลุม เรียกหลุม 1-9 ว่ารอบแรก และเรียกหลุม 10 -18 ว่ารอบหลัง

โดยทั่วไปแล้วจะกำหนดให้มีพาร์ 3 และพาร์ 5 อย่างละสองหลุม และมีพาร์ 4 ห้าหลุมต่อรอบ รวมกัน 9 หลุมก็จะได้พาร์ 36ต่อรอบ รวมสองรอบเป็นพาร์ 72 แต่บางสนามอาจมีพื้นที่น้อยหรือมากกว่า ก็อาจมีการปรับให้เป็นพาร์ 70 – 74 บางแห่งมีพื้นที่น้อยมาก ก็จะทำเป็นสนาม 9 หลุม แล้วเล่นวนสองรอบก็มี

กอล์ฟเป็นกีฬาที่สามารถแข่งขันโดยเล่นคนเดียวได้ คือแข่งกับมาตรฐานสนามและตัวเอง หมายความว่าสนามที่มีพาร์72 หากท่านใช้จำนวนครั้งที่ตีลูกน้อยครั้งกว่า72ครั้ง ท่านก็ชนะสนาม แต่ถ้ามากกว่าก็แพ้ และแข่งขันกับตัวเองว่า ท่านสามารถส่งลูกกอล์ฟออกไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังสามารถแข่งขันตั้งแต่สองคนไปจนถึงเป็นร้อยคนในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย

ภาษาที่นักกอล์ฟใช้บอกผลการเล่น (สกอร์) หลังเล่นเสร็จแล้ว จะแตกต่างกันออกไป แต่ความหมายเหมือนกันเช่น บอกว่า ทำไปห้าโอเวอร์พาร์ หรือ ตีได้สกอร์ 77 แปลเหมือนกันว่าตีเกินพาร์สนามไปห้าครั้ง หรืออาจบอกว่าทำไปสองอันเดอร์พาร์ 70 แปลว่าตีต่ำกว่าพาร์สนามสองครั้ง นี่เป็นภาพรวมของการเล่นกอล์ฟ การแข่งขันและการนับคะแนน จากนี้ไปก็จะเป็นเรื่องของการทำอย่างไร จึงสามารถส่งลูกกอล์ฟไปยังเป้าหมาย ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล

แฮนดิแคป ใช้สำหรับบอกระดับความสามารถของนักกอล์ฟแต่ละคน และยังใช้บอกระดับความยากของแต่ละหลุมในแต่ละสนามอีกด้วย เช่น นักกอล์ฟที่มีแฮนดิแคป 20 หมายความว่า เป็นนักกอล์ฟที่เล่นกอล์ฟได้สกอร์เฉลี่ยที่ประมาณ 92 สโตรค คือสนามทั่วไป พาร์ 72 เล่นได้สกอร์เฉลี่ย 92 เท่ากับว่าทำเกินพาร์สนามไป 20 ใช้เป็นตัววัดระดับความสามารถเพื่อนำไปใช้แข่งขันหรือหาเพื่อนเล่นที่มีสกอร์เฉลี่ยใกล้เคียงไกล

แต่ละหลุมในสนามกอล์ฟจะมีความยากที่ไม่เท่ากัน จึงใช้ตัวเลขเป็นการบอกระดับไว้ เลข 1 คือความยากที่สุด เลข 18 คือยากน้อยที่สุดหรือจะเรียกว่าง่ายที่สุดก็ได้ ระดับความยากนี้ได้มาจากผลการเล่นของนักกอล์ฟโดยเฉลี่ย มีไว้สำหรับการให้แต้มต่อระหว่างนักกอล์ฟที่มีฝีมือการเล่นที่แตกต่างกัน

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.