เครือข่ายสุขภาพ 4 ภาค วอน คสช.อย่าหูเบา!!

0
844

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก และ กทม. โดยนายพงษภัทร หงส์สุขสวัสดิ์ ผู้แทนกลุ่มคนรักหลักประกันณ อ่านแถลงการณ์เหตุผลที่คัดค้านเวทีประชาพิจารณ์ว่า จากเวทีประชาพิจารณ์ 4 ภาค กลุ่มคนรักหลักประกันฯ ขอแสดงจุดยืนคัดค้านไม่สนับสนุนการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่เพิ่มสิทธิประชาชน มีแนวโน้มร่วมจ่าย ทั้งมองบุคคลแค่เลข 13 หลัก ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่สมดุล ประชาชนไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ที่สำคัญไม่มีคำตอบ ว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระของกฎหมายให้ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะหลักการและเหตุผลของการแก้กฎหมายเจาะจงว่าจะแก้มาตราไหนอย่างไรบ้าง ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะรับฟังความคิดเห็นรายมาตรา เรียกร้องให้หยุดกระบวนการทั้งหมด และเริ่มกระบวนการแก้กฎหมายใหม่ที่สมดุล และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย จากการศึกษาร่างกฎหมายที่แก้ไข ไม่มีการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ เช่น  

1.การแก้ไขกฎหมายควรยึดหลักการ แก้แล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรเป็นที่ตั้ง เช่น ต้องแก้ไขมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 เพื่อให้มีสิทธิประโยชน์เดียวสำหรับทุกคน และบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
2.ยกเลิกการร่วมจ่าย เพราะการแก้ไขไม่ได้ยกเลิกการร่วมจ่าย ประชาชนมีโอกาสร่วมจ่ายเมื่อมีการไปใช้บริการ ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกัน คัดค้านการร่วมจ่ายที่หน่วยบริการ แต่สนับสนุนให้มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น จากกำไรในการซื้อขายหลักทรัพย์ (Capital Gain) เพราะระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นของทุกคน คนชั้นกลางก็มีสิทธิล้มละลายได้ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาบริการสุขภาพราคาแพงด้วยตนเอง
3.ขอให้ใช้ข้อมูลหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ในการแก้กฎหมาย (Evidence Based) เช่น ควรแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้ สปสช. สามารถจัดซื้อยาและอุปกรณ์การแพทย์ราคาแพง โดยในปัจจุบัน สปสช. จัดซื้อยารวมสำหรับโครงการพิเศษเพียงร้อยละ 4.9 ของการจัดซื้อยา ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณในรอบ 10 ปีได้เกือบ50,000 ล้านบาท เพราะหากไม่แก้กฎหมายให้สามารถจัดซื้อได้ รัฐบาลจะนำเงินปี ละ 5,000 ล้านบาทมาจากไหน ท่ามกลางทรัพยากรที่จำกัดของประเทศ หรือนี่คือหลุมในการร่วมจ่ายของประชาชนในการใช้ยา
4. การแก้กฎหมายให้แยกเงินเดือนของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งดูเหมือนจะดีและทำให้บุคลากรสาธารณสุขไม่ต้องกังวล แต่ต้องยอมรับว่า จะเกิดปัญหาการกระจายบุคลากรที่เป็นธรรมต่อหน่วยบริการหรือโรงพยาบาล
5. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการระบบหลักประกัน โดยเพิ่มสัดส่วนผู้ประกอบวิชาชีพมากขึ้นทั้งสองคณะ ทั้งที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ควรเพิ่มสัดส่วนผู้รับบริการให้มากขึ้น และคณะกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานบริการสาธารณสุข ควรมีสัดส่วนของกลุ่มผู้ป่วย ตัวแทนศูนย์มาตรา 50 (5) ทั้งในหน่วยบริการและของประชาชน เพื่อให้การปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการทั้งสองคณะเป็นไปมีประสิทธิภาพ และเพิ่มอำนาจของประชาชนในการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ผู้แทนกลุ่มคนรักหลักประกันฯ กล่าวว่า การแก้กฎหมายขอให้แก้ไขตามคำสั่งมาตรา 44 ของ คสช.เท่านั้น ซึ่งหากแก้แค่นั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร และขอหัวหน้า คสช.อย่าหูเบากับการแก้กฎหมายครั้งนี้ ส่วนการแก้ไขอื่นๆ ขอให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า แก้ไขแล้วเกิดผลดีกับประชาชนอย่างไร เช่น การจัดซื้อยาโดยไม่ใช่ สปสช. หรือการปรับสัดส่วนบอร์ด สปสช.ใหม่ แก้ไขแล้วตรงนี้ต้องมีผลงานทางวิชาการให้ชัดเจนว่าแก้ไขแล้วเกิดผลดีกับประชาชนอย่างไร จึงจะยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาก็ตอบไม่ได้ว่าแก้แล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร
728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.