10ก.พ. เวลา 06.00 น.
“พ.ต.อ.สำราญ นวลมา” รองผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือตำรวจ 191(รองผบก.สปพ.) ทำการเปิดยุทธการ“ทวงรังปืนจากรังโจร” พร้อมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย หรือ อรินทราช 26 ลงพื้นที่เป้าหมาย 30 จุด ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 29 จุด และในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีอีก 1 จุด โดยได้เพื่อนำกำลังพร้อมหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักเป้าหมายที่มีการสืบทราบว่า มีการติดต่อซื้ออาวุธปืนจากผู้ต้องหาที่เป็นผู้จำหน่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ก่อนหน้า
หนึ่งในจุดเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นครั้งนี้อยู่ภายในซอยพัฒนาการ 36 ลักษณะเป็นห้องแบ่งให้เช่า จากการเข้าตรวจสอบพบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว ตรวจสอบภายในห้องพบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ พร้อมลูกกระสุนขนาด .45 จำนวน 6 นัด สอบถามเบื้องต้นทราบว่า อาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจพบเป็นของสามี ซึ่งตรงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สืบทราบ
ขณะเข้าตรวจค้นสามีของน.ส.เอ ไม่อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวน.ส.เอ ไปทำการสอบปากคำระหว่างรอการติดต่อจากสามีของน.ส.เอ โดยเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะทำการตรวจสอบขยายผลว่า ปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเคยถูกใช้ก่อเหตุใดหรือไม่ต่อไป
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเช่าหลังหนึ่งภายในซอยพัฒนาการ 50 แต่จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้เช่าปัจจุบันพึ่งเข้ามาพักอาศัยได้แค่ 20 วัน ซึ่งเป็นคนละชุดกับชุดที่เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการสั่งอาวุธปืนมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและขยายผลเพิ่มเติมต่อไป
ตามรายงานว่า ในจุดพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ภายในซอยเทพกุญชร 21 สามารถตรวจค้นและยึดอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก ปืนปลอม จำนวน 2 กระบอก และอุปกรณ์ที่คาดว่าจะใช้ในการดัดแปลงอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมกับควบคุมตัว นายวรเชษฐ์ เทียมกัน ซึ่งเป็นผู้ที่รับว่าเป็นผู้ครอบครอง แต่เบื้องต้นปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้ค้าปืนเถื่อน แต่ยอมรับว่าเป็นคนชอบปืน จึงมักสั่งซื้อปืนทางอินเตอร์เน็ต โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนจะขยายผลต่อไป
ในส่วนของปฏิบัติยุทธการทวงปืนจากรังโจรในครั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวสรุปผลปฏิบัติการอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. วันนี้(10 ก.พ.) ที่ บก.สปพ.
