เขื่อนหลักจันทบุรีใกล้วิกฤต ผู้ว่าฯ วอนประชาชนใช้น้ำประหยัด

0
819

สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรียังทวีความรุนแรง ปริมาณน้ำเขื่อนหลักหลายแห่งเริ่มใกล้จุดวิกฤต โดยเฉพาะเขื่อนศาลทราย อำเภอเขาคิชฌกูฏ เหลือปริมาณน้ำเพียงแค่ 19 เปอร์เซนต์ ส่วนเขื่อนพลวงและเขื่อนคิรีธารปริมาณน้ำลดลงและจำเป็นที่จังหวัดต้องปรับแผนการบริหารจัดการ เพื่อให้ชาวบ้านรอดพ้นวิกฤตภัยแล้ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีขอให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้เข้าใจถึงวิกฤตภัยแล้งที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การจะใช้น้ำเขื่อนที่กักเก็บไว้จำเป็นต้องใช้อย่างประหยัดและรู้คุณค่า มีจิตใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่แก่เพื่อนชาวสวนด้วยกัน รู้รัก สามัคคี และจากนี้จังหวัดจำเป็นที่จะต้องรักษาปริมาณน้ำ เพื่อคนส่วนใหญ่ได้ใช้ในการอุปโภค บริโภค และเป็นแหล่งน้ำดิบของการทำน้ำประปา หล่อเลี้ยงชาวจันทบุรีทั้งจังหวัด จึงงดเพิ่มปริมาณการส่งน้ำจากเขื่อนไปช่วยบำรุงผลผลิตชาวสวนผลไม้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ปภ.จังหวัด สำนักงานชลประทานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังคงนำรถบรรทุกน้ำจำนวน 15 คัน ออกแจกจ่ายน้ำแก่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในพื้นที่ 10 อำเภอ 67 ตำบล 615 หมู่บ้าน ส่วนการส่งน้ำจากเครื่องสูบน้ำระยะไกล 16 จุด ยังคงเดินเครื่องสูบน้ำช่วยเกษตรกรชาวสวนผลไม้อย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยนายวิสุทธิ์ ประกอบความดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า สำหรับภาพรวมสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดจันทบุรี เมื่อมาถึง ณ เวลานี้ที่เป็นช่วงปลายของฤดูกาลแล้งแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ชาวบ้านจะต้องสู้กันอีก 1-2 สัปดาห์ การบริหารในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ในภาพรวมของจังหวัดจันทบุรี ถือว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งปริมาณน้ำในอ่างศาลทรายแห้งลง ยังมีปริมาณน้ำอยู่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะแบ่งน้ำให้กับชาวบ้านที่อยู่รอบอ่างเก็บน้ำใช้ 5 แสน และใช้เครื่องสูบบ่อทอยเป็นทอดๆ ลงไปยังพื้นที่ตอนท้ายน้ำอีก 5 แสน ในขณะเดียวกันที่เป็นแอ่งน้ำในหลายจุดจะใช้วิธีโดยการตั้งเครื่องสูบน้ำ และใช้รถบรรทุกน้ำไปส่งที่สวนของชาวบ้าน วิธีเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหายืดระยะเวลาไปได้อีก 1 สัปดาห์ นอกจากนี้หากแหล่งน้ำตรงจุดนี้หมดลง ก็จะมีการดึงน้ำจากคลองพระพุทธเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่มีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ระยะทางในการผันน้ำมามีระยะทางไกล แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ชาวบ้านได้รอดพ้นจากวิกฤตภัยแล้งในปีนี้ไปให้ได้ต่อไป
ขณะที่นายนำชัย พรหมมีชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะได้ลงพื้นที่ติดตามการทำฝนหลวงของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี พบว่าทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี ปีนี้มีการขึ้นบินโปรยสารฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งใน 10 อำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอสอยดาวและอำเภอโป่งน้ำร้อนที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย และพบว่ามีปริมาณฝนตกลงมาเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถที่จะช่วยให้พื้นที่ประสบภัยแล้งใน 2 อำเภอดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยสภาวะทางอากาศไม่เอื้ออำนวย ผลกระทบจากวิกฤตภัยแล้ง ส่งผลให้ความชื้นในอากาศมีไม่พอเพียงแก่การปฏิบัติการฝนหลวง แต่เมื่อสภาวะอากาศเอื้ออำนวย มีเมฆและปริมาณความชื้นเพียงพอหน่วยบินฝนหลวงก็ขึ้นปฏิบัติการทันทีเพื่อหวังลดผลกระทบ ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.