รับสมัครผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ประสงค์ใช้เคมีบำบัดและรังสีบำบัด เข้าร่วมโครงการดูแลสุขภาพด้วยวิธี”ภูมิคุ้มกันบำบัด”

0
1231

องค์การอนามัยโลกได้รายงานพบผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกมากถึงปีละประมาณ 14 ล้านคน และเสียชีวิตถึงปีละ 9-10 ล้านคน สำหรับในไทยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มะเร็งยังเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย โดยมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้ปีละกว่า 67,000 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน จากแนวโน้มการเสียชีวิตจากมะเร็งที่เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นนี้ ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวพยายามหาทางพิชิตโรคร้ายนี้
ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ประกาศสนับสนุนโครงการวิจัย “Cancer MoonShot 2020” ตั้งเป้าเอาชนะโรคมะเร็งให้ได้อย่างเด็ดขาด ด้วยวิธีที่เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันบำบัด” (Natural Immunotherapy) ให้ได้ภายในปี 2020 พร้อมประกาศมอบเงินทุนวิจัยเพื่อการนี้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยความมุ่งหวังจะให้โครงการดังกล่าวเป็นเสมือนก้าวย่างอันยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติไปตลอดกาล เช่นเดียวกับการประกาศส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ในสมัยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ในปี 1961 ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด

ทั้งนี้แม้ว่าการผ่าตัด การฉายรังสี และเคมีบำบัด จะเป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่วงการแพทย์ปัจจุบันยอมรับว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ด้วยผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงต่อผู้ป่วย เช่น คลื่นไส้ ผมร่วง และการกดภูมิคุ้มกัน ทำให้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาการพิชิตมะเร็งด้วยระบบภูมิคุ้มบำบัดได้กลายเป็นที่จับตามองของนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะมิติใหม่ของการรักษาในอนาคต กระทั่งสหรัฐฯ เองยังเห็นถึงความเป็นไปได้ที่การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดจะเข้ามาแทนที่การรักษามะเร็งด้วยการทำเคมีบำบัด จนยอมทุ่มงบพันล้านวิจัยเรื่องนี้ให้สำเร็จภายใน 4 ปี

สำหรับในประเทศไทย มีคณะนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งนำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM ที่ได้ศึกษาวิจัยวิธีพิชิตเซลล์มะเร็งด้วย “ภูมิคุ้มกันบำบัด” (Natural Immunotherapy) จนประสบความสำเร็จในปี 2008 โดยมีผลพิสูจน์ชัดเจนรับรองโดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา อธิบายว่า “Natural Immunotherapy” หรือการรักษาโรคด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด คือการเข้าไปกระตุ้นเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานหรือยับยั้งการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้อยู่ในภาวะสมดุลไม่มากไม่น้อยเกินไป เรียกว่าเป็นการใช้กลไกธรรมชาติหรือเม็ดเลือดขาวที่มีอยู่ราว 20,000 – 55,000 ล้านเม็ด ซึ่งเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างมาให้เราต่อสู้กับโรคด้วยตัวเอง”

เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายใช้กลไกธรรมชาติที่มีต่อสู้กับโรคด้วยตัวเอง การวิจัยในห้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องกว่า 39 ปี ได้ค้นพบว่า สารกลุ่ม Xanthones ที่มีสรรพคุณสูงสุดในมังคุดคือ GM-1 มีคุณสมบัติเพิ่มความสามารถของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ดี ยิ่งเมื่อนำมาเสริมฤทธิ์ด้วยสารสกัดจากพืชและผลไม้อีก 4 ชนิด คือ ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และบัวบก ยังพบว่ามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด Th1, Th9, Th17 และ Interleukin-18 (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Th17 เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า) ซึ่งทำหน้าที่เสมือนกองทหารสื่อสาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเซลล์มะเร็งของเม็ดเลือดขาวกลุ่มเพชฌฆาต Cytotoxic T-Cell อย่างเห็นได้ชัด

จากความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นทางเลือกใหม่ของการพิชิตเซลล์มะเร็งด้วยพืชไทย คณะนักวิจัย Operation BIM จึงพร้อมที่จะช่วยเหลือคนไทยต่อสู้มะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติ เปิดตัวโครงการ “APCO Cancer MoonShot 2017 by Natural Immunotherapy” เปิดรับสมัครผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ประสงค์ใช้เคมีบำบัดและรังสีบำบัด จำนวน 30 คน ได้ดูแลสุขภาพด้วยวิธี “ภูมิคุ้มกันบำบัด” โดยไม่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งเริ่มประกาศผลการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการในเดือนกรกฎาคม 2016 ก่อนสรุปผลทั้งหมดในต้นปี 2017 ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสมัครได้ที่ www.apco.co.th หรือโทร. 1154

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.