ประมวล ประวัติศาสตร์”พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9″

ประมวล ประวัติศาสตร์"พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9"ส่งเสด็จพระผู้ทรงเป็นร่มโพธิ์แก้วสู่สวรรคาลัย ใน“พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

0
1704

 นับเป็นวันประวัติศาสตร์

ที่ถูกจารึกในความทรงจำและติดตรึงอยู่ในหัวใจอันจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยตราบนิจนิรันตร์ที่ได้น้อมเกล้าฯ

ส่งเสด็จพระผู้ทรงเป็นร่มโพธิ์แก้วสู่สวรรคาลัย ใน“พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2560 ตลอดรวมถึงพระเมรุมาศจำลอง ซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แม้จะวันแห่งความวิปโยคโศกเศร้าอาดูรเหลือคณานับ แต่รายทางของถนนทุกสายมุ่งตรงสู่ท้องสนามหลวง บ้างมาปักหลักรอด้วยความตั้งใจที่จะน้อมเกล้าฯ ส่งเสด็จ โดยมีประชาชนราว110,000 คนเท่านั้น ที่สามารถผ่านจุดคัดกรองเข้าจับจองพื้นที่ในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงได้ ขณะยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่ปักหลักรอส่งเสด็จอย่างแน่นขนัดรอบบริเวณ 

ขณะเวลารุ่งสางเกิดปรากฎการณ์ “หมอกธุมเกตุ ” ลอยเหนือพระเมรุมาศปกคลุมโดยรอบทุ่งพระสุเมรุ ซึ่งโบราณว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์สวรรคตของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเมื่อครั้งองค์ในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 ก็มีบันทึกว่าได้เกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ” นี้เช่นเดียวกัน ดังข้อความบางส่วนจากพระนิพนธ์ใน หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิสกุล ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้ ที่ได้บรรยายไว้ว่า “พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียวทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดคุ้มมีหมอกขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละหมอกธุมเกตุ(๑) ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้น”

 

 


จากนั้น เวลา 07.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ ยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง อัญเชิญพระบรมโกศ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังพระเมรุมาศ 

เริ่มจากริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 1 อัญเชิญพระบรมโกศโดยพระยานมาศสามลำคาน ตามด้วยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 2 อัญเชิญพระบรมโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถ 

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบรมโกศ

 


จากนั้นเมื่อถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้อัญเชิญพระบรมโกศโดยเกรินบันไดนาคลงจากพระมหาพิชัยราชรถไปประดิษฐานบนราชรถปืนใหญ่เพื่อเวียนพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ(เวียนซ้าย) 3 รอบแล้วจึงอัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธานบนพระเมรุมาศเพื่อถวายพระเพลิง

ทั้งนี้ ขณะที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมโกศพระบรมศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระเมรุมาศเคลื่อนผ่าน ปวงพสกนิกรก้มกราบด้วยความจงรักภักดี บ้างน้ำตานองหน้าร่ำไห้สุดสะอื้นด้วยอาลัยรักในมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐพระองค์นี้ 

เวลาประมาณ 18.29 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ จากนั้นพระราชทานพระราชานุญาให้คณะบุคคลต่างๆ ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตามลำดับ

ต่อมาในห้วงประมาณ 22.00 น. ปรากฎ “ฝูงนกสีขาว ” บินวนอยู่เหนือพระเมรุมาศก่อนจะบินหายลับไป สร้างความอัศจรรย์ในให้กับประชาชนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก กระทั่งที่ในอีกไม่กี่วินาทีถัดมาซึ่งบีบหัวใจพสกนิกรที่เฝ้ารอ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อความเงียบสงัดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ ก่อนแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นไห้ ทุกคนหันหน้าไปทางพระเมรุมาศพร้อมก้มลงกราบทั้งหยาดน้ำตา หลังจากที่พระวิสูตรพระเมรุมาศเปิดออกและมีควันลอยออกมา อันเป็นสัญญาณว่าได้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพองค์ภูมินทร์อันเป็นที่รักยิ่งแล้ว

 

 

 


จากนั้น ในวันที่27 ต.ค.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอาทิตยทรกิติคุณ 

ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ พร้อมด้วยพระบรมวงศ์ ประทับพระราชอาสน์ที่ข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานถวายเปิดผ้าเยียรบับ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว ถวายน้ำพระสุคนธ์สรงพระบรมอัฐิด้วย เจ้าพนักงานถวายปิดผ้าเยียรบับพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตร 3 หาบ บนผ้าเยียรบับที่ปิดคลุมพระบรมอัฐิ สมเด็จพระราชคณะ พระราชาคณะ 9 รูป ขึ้นสดับปกรณ์ที่พระจิตกาธานครั้งละ 1 รูป จนครบ 9 รูป เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงเก็บพระบรมอัฐิ สรงพระสุคนธ์ในขันทองคำแล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร รวม 6 พระโกศ พระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี 

เมื่อทั้งสามพระองค์ทรงรับแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม แล้วประทับพระราชอาสน์ที่หน้าอาสน์สงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าพนักงานจะได้ประมวลลงในพระผอบโลหะปิดทอง พักไว้บนพระเมรุมาศ

 

 


ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้ว ทรงประเคนโตกภัตตาหาร 3 หาบ แด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ 9 รูป ที่ได้สดับปกรณ์พระบรมอัฐิแล้วนั้น พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องสังเค็ดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แด่พระสงฆ์ 3 หาบ และพระสงฆ์ 30 พระอาราม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกาจบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่ง

จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระบรมอัฐิจากบุษบกแว่นฟ้าไปประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยาน การนี้พระบรมอัฐิอีก 5 พระโกศ จะเชิญโดยรถยนต์พระที่นั่งไปประดิษฐานล่วงหน้า ณ พระแท่นสุวรรณเบญจดล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารจากพระเมรุมาศประดิษฐานในพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย

ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ 4 สาย มีเจ้าพนักงานนำริ้ว ธง 3 ชาย นายทหารบก นายทหารเรือ นายทหารอากาศ ตำรวจหลวงถือหอก มหาดเล็กหลวงเป็นคู่แห่ ข้าราชพลเรือนชั้นผู้ใหญ่ นายทหารองครักษ์เคียงพระที่นั่งราชเชนทรยานทรงพระโกศพระบรมอัฐิ และอินทร์ พรหม ที่พระที่นั่งราชเชนทรยานน้อยทรงพระผอบพระบรมราชสรีรางคาร มีข้าราชบริพารในพระองค์ และอินทร์ พรหม เคียงข้าง พร้อมด้วยเครื่องสูงอภิรุมชุมสายหักทองขวาง พระกลด บังพระสูรย์ พัดโบก เจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระโกศพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร มหาดเล็กเชิญเครื่องพระบรมราชอิสริยยศตามพระราชประเพณี

จ้าพนักงานรัวกรับครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมขบวน เมื่อรัวกรับครั้งที่ 2 จบลง ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญเสด็จ และยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระบรมอัฐิ เข้าพระบรมมหาราชวัง

 

 


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระที่นั่งทรงธรรม ตามขบวนอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเข้าริ้วไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง โดยใช้เส้นทางจากถนนกลางสนามหลวง-ถนนราชดำเนินใน-ถนนหน้าพระลาน-เข้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง 

สำหรับในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 4 นี้ นำโดยขบวนม้านำ 2 ม้า ตามด้วยพนักงานเชิญเครื่องสูงแผ่ลวด คณะรัฐมนตรีนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อมาเป็นพระที่นั่งราเชนทรยาน โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมอัฐิ และศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานภูษามาลาประคองพระบรมราชสรีรางคารบนพระราเชนทรยานน้อย ตามลำดับ ตำรวจหลวง 8 นาย ราชองครักษ์เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นในลำดับต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินตาม ปิดท้ายริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ พร้อมด้วยพระราชวงศ์ ข้าราชบริพาร และเหล่าสมาชิกราชสกุลทุกมหาสาขา

เมื่อขบวนพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยทรงพระบรมราชสรีรางคารเข้าสู่พระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ถนนจักรีจรัณย์ แล้วเลี้ยวไปถนนหน้าศาลาสหทัยสมาคม แยกขบวนไปเทียบที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารโดยเสลี่ยงจากพระที่นั่งราชเชนทรยานน้อยไปประดิษฐานพักไว้ในพระศรีรัตนเจดีย์ ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระบรมอัฐิ ตรงไปเข้าประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขา ถนนอมรวิถี พระที่นั่งราเชนทรยานทรงพระบรมอัฐิเทียบที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงรอรับที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยานน้อยขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินตาม

เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกแว่นฟ้าทองเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ณ มุขตะวันตกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

 


ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เวลาเช้าตรู่เจ้าพนักงานตั้งแต่งเตรียมการพระราชกุศลเก็บพระบรมอัฐิที่พระที่นั่งทรงธรรม จัดตั้งพระแท่นแว่นฟ้าบุษบกสำหรับประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิ และเตรียมโตกสำรับคาวหวาน 3 หาบ ถวายพระสงฆ์พร้อมเครื่องสังเค็ด และเตรียมการจัดขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิด้วยพระที่นั่งราเชนทรยาน และอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารด้วยพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย คู่แห่ เครื่องสูง มโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศของพระบรมอัฐิไว้พร้อม เวลาเช้า เจ้าพนักงานถวายภัตตาหารพรพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมประจำซ่างพระเมรุมาศ

ที่พระเมรุมาศทอดพระราชอาสน์ที่ประทับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้างพระจิตกาธาน เจ้าพนักงานภูษามาลาดับพระเพลิงด้วยพระสุคนธ์ ประมวลพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคาร ถวายคลุมด้วยผ้าเยียรบับ ที่เพดานเหนือ พระจิตกาธานแขวนนพปฎลมหาเศวตฉัตรกางกั้น ตั้งเครื่องพระสุคนธ์ขันทองคำสำหรับสรงพระบรมอัฐิ พระโกศทองคำลงยาประดับเพชรสำหรับบรรจุพระบรมอัฐิ พร้อมด้วยเครื่องราชสักการะตามราชประเพณีไว้พร้อม

จากนั้นในวันที่ 28 ตุลาคม 2560 เป็นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ และในวันที่ 29 ตุลาคม 2560 อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมทั้งมีริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วที่ขบวนที่ 6 อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามและวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นอันเสร็จพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.