ธ.ก.ส.แจ้งเกิด SMEs เกษตร 7 พันราย

0
1003

วันนี้ (4 เมษายน 2559) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในการเปิดตัวโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย ภายใต้แนวคิด “ปฏิรูปภาคเกษตรไทย : 1 ตำบล 1 SME เกษตร” นายสมคิดกล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนให้สถาบันการเงินของรัฐดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย เน้นการผลิตทางการเกษตรรูปแบบใหม่และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดยได้อนุมัติวงเงิน 72,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรกรไทยและทำให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร มาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงปัจจุบันได้ให้สินเชื่อแก่กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs เกษตร ประกอบไปด้วย เกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้าน ไปแล้วทั่วประเทศ จำนวน 4,814 ราย วงเงินสินเชื่อ 5,156 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.มีเป้าหมายในการดำเนินโครงการนี้คือการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร จำนวน 7,305 ราย วงเงิน 72,000 ล้านบาท หรือทุกตำบลต้องมีผู้ประกอบการ SMEs เกษตร อย่างน้อย 1 ราย เพื่อให้เป็นตัวอย่างหรือเป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างภาคการเกษตรของไทย โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของเกษตรกรหรือชุมชน และการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนในกระบวนการผลิต การรวบรวม การแปรรูป การตลาด และการบริการ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้ประกอบการ SMEs เกษตร

โครงการดังกล่าว ธ.ก.ส.กำหนดวงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท ตั้งแต่ปีที่ 1-7 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 8 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยตามประเภทของลูกค้าผู้กู้ แต่ละรายในอัตรา MRR หรือ MLR แล้วแต่กรณี และกำหนดให้จัดทำหนังสือกู้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 สำหรับหลักประกันในการกู้ยืมให้ใช้หลักประกันหนี้เงินกู้เป็นไปตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติของธนาคาร กรณีที่ใช้หลักประกันไม่เพียงพอให้สามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการได้
“ธ.ก.ส.มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเกษตรให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนให้เกษตรกรปรับตัวเป็นผู้ประกอบการภาคเกษตร การนำนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคชนบทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง มีความยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีคุณภาพ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน เป็นการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม” นายลักษณ์กล่าว

นายลักษณ์กล่าวต่อว่า ในวันนี้ ( 4 เมษายน 2559 ) ธ.ก.ส.ได้จัดประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานในปีบัญชี 2559 ( 1 เมษายน 2559 – 31 มีนาคม 2560) ให้กับพนักงานทั่วประเทศกว่า 1,500 คน โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนแบบองค์รวม การเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร การพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรองรับการดำเนินกิจกรรมของเกษตรกรลูกค้าและชุมชน นอกจากนี้ยังมุ่งไปที่การสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในแต่ละกิจกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่าสินค้าเกษตรภายใต้หลักการบูรณาการแผนงานความร่วมมือแบบประชารัฐ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.