นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างระเบียบ กกต. สำคัญ 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างระเบียบ กกต. ว่าด้วยหลักการการออกเสียงประชามติ, ร่างระเบียบ กกต. ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินการออกเสียงประชามติ, และร่างระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแสดงความคิดเห็น เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ทั้งวิทยุและสถานีโทรทัศน์
ซึ่งหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว วันที่ 27 เมษายนนี้ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะนำเสนอระเบียบแนวปฎิบัติ เกี่ยวกับการแสดงความเห็นในร่างรัฐธรรมนูญ ว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ เพื่อให้ กกต. มีมติเห็นชอบ จากนั้นวันที่ 29 เมษายน จะนำข้อสรุปเข้าที่ประชุมใหญ่ กกต. เพื่อกำหนดแนวทางปฎิบัติ ซึ่งจะมีความชัดเจนว่าการกระทำใดขัดหรือผิดพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติหรือไม่
สำหรับการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ กกต. ได้ยึดหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความเห็น แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย และต้องไม่บิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ยุยง ปลุกปั่น ใช้คำพูดหยาบคาย และมีพฤติกรรมข่มขู่ ก้าวร้าว ซึ่งการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลผ่านสื่อต่าง ๆ สามารถกระทำได้ แต่ถ้ารวมตัวเป็นกลุ่มและนำไปสู่เจตนารมณ์ทางการเมือง ไม่สามารถทำได้ พร้อมกันนี้ กกต. เปิดโอกาสให้มีการจัดเวทีอภิปรายทางวิชาการต่อร่างรัฐธรรมนูญว่าจะรับหรือไม่รับได้ แต่ต้องร่วมมือกับสถานศึกษา หน่วยงานราชการ และสื่อมวลชน
ส่วนการประชาสัมพันธ์ กกต. เห็นว่า สถานีหลักต้องให้โอกาสทั้งฝ่ายเห็นด้วยและเห็นต่าง โดยจะเชิญสถานี 6 แห่ง มาร่วมประชุม หารือในรายละเอียด การจัดสรรเวลา 17.00 – 22.00 น. ช่วงใดช่วงหนึ่งโดยตกลงกำหนดจำนวนครั้ง เพื่อจัดรายการ โดยเบื้องต้นจะขอสถานีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที รวม 12 ครั้ง ซึ่งใน 6 ครั้งแรก เป็นเรื่องชี้แจงออกเสียงประชามติ 2 ครั้ง ชี้แจงสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง และชี้แจงคำถามพ่วง ของ สนช. 1 ครั้ง
